หนังอิงประวัติศาสตร์ไทย

หนังอิงประวัติศาสตร์ไทย

หนังอิงประวัติศาสตร์ไทย

หนังอิงประวัติศาสตร์ไทย เนื้อหานี้จะช่วยทำให้คุณตกลงใจเลือกมองได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เพราะว่าพวกเราได้นำเนื้อหาอย่างคร่าวๆของละครมากับเรื่องย่อให้ทุกคนได้อ่าน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวล่ำเวลา ตามไปอ่านกันดีกว่าจ้ะ ว่าละครไทยย้อนยุคที่พวกเราเอามารีวิวในวันนี้ จะมีเรื่องมีราวอะไรบ้าง

พระสุริโยไท (สวมบทวัยรุ่นโดย พิมลรัตน์ มองดูลยลูก)

ทรงเจ้านายข้างเหนือวงศ์สกุลพระตก ตั้งแต่พระชนมายุ 15 ปี ได้ทรงอภิเษกสมรสกับพระเยาวราช จากวงศ์สกุลทองคำภูเขามิคือ พระเฑียรราชา (สวมบทบาทวัยรุ่นโดย วิทยา โกมลการเป็นไปกานต์) บุตรชายขององค์อุปราช พระเช่นตยา (สุเชาว์ ดงษ์สวยงาม) กับพระสนม ซึ่งครองบ้านครองเมืองพิษณุโลกอยู่ในขณะนั้น

เมื่อสมเด็จพระรามาหัวหน้าที่ 2 (พิศาล อัครเศรณี) ตายในปี พุทธศักราช 2072 ๒๐๗๒ ซึ่งเป็นปีที่ดาวหางฮัลเลย์ปรากฏ พระเช่นตยาก็เลยได้ขึ้นครองราชย์ ทรงชื่อหน่อพุทธังกูร หนังอิงประวัติศาสตร์ ไทย ทุกท่านเสด็จย้ายจากพิษณุโลกไปประทับในกรุงศรีอยุยงยาเมืองหลวง พระเฑียรราชา (รับบทบาทวัยชายหนุ่มโดย ศรัณยู สกุลแจ่มแจ้ง) รวมทั้ง พระสุริโยไท (สวมบทสาวโดย คุณหญิง หม่อมหลวง ปิยาภัสร์ ภิรมย์จงรักภักดี) มีโอรสบุตรสาวทั้งนั้น 5 ท่านหมายถึงพระราเมศวร (เกียรติแรงนุภาพ), พระมหินทร (อภิญญ์ รัชตะหิรัญ), พระบรมดิลก (ชามพูนท สีขาวสกุล), พระสวัสดิราช (พิมลรัตน์ มองดูลยลูก) รวมทั้ง พระเทวดากษัตรี (จีระความสนุกสนาน ธุระผสาน) ประทับอยู่ในวังชัย ดำรงอิสริยยศเป็นพระเยาวราชเมื่อสมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธังกูร สวรรคตด้วยโรคฝีดาษ

พระไชยราชา (ดงษ์พัฒน์ วชิรบรรต้อง) ผู้ซึ่งดำรงพระขั้นเป็นพระอุปราช น่าจะได้สืบสันตติวงศ์เป็นพระเจ้าแผ่นดิน แม้กระนั้นหน่อพุทธังกูรทรงขอให้ รัฏฐาธิราชกุมาร (เด็กชาย ลูคัส อดัม บุญธนาธุระ) พระลูกชายวัย 5 ปี อันกำเนิดแต่ว่าพระอัครชายา (ชาติชั้นวรรณะษา ทองคำยอดเยี่ยม) วัย 17 ปี เป็นผู้ขึ้นครองราชย์แทน ระหว่างนั้น บ้านเรือนถูกบริหารโดยเจ้าขุนมูลนายผู้ไม่ซื่อสัตย์ กินสินบนเถลิงอำนาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เจ้าพระยายมราช (มีอำนาจ นาครัตน์) พ่อของพระอัครชายา

ตำนานสมเด็จพระพระราชา 1 องค์รับรองหงสา พ.ศ. ๒๑๐๖

พระผู้เป็นเจ้าหงสาวดีบุเรงท่วม ทรงกรีฑากองทัพเข้าตีแว่นแคว้นอยุธยา โดยได้ยึดครองหัวเมืองข้างเหนืออันมี “เมืองพิษณุโลก” เป็นราชบุรี ได้ได้ผลสำเร็จเสร็จ ตอนนั้น “สมเด็จพระมหาธรรมราชา” (กษัตริย์ครองบ้านครองเมืองพิษณุโลก – พระราชพ่อของสมเด็จพระพระราชา หรือ ท่านดำ) ต้องยอมอ่อนน้อมต่อพระผู้เป็นเจ้าบุเรงท่วม เพื่อรักษาไว้ซึ่งชีวิตราษฎรไม่ให้ควรจะมีภยันตราย และก็จำเป็นต้องยอมร่วมกระบวนกองทัพประเทศพม่าเข้าตีกรุงศรีอยุธยา

ศึกคราวนั้น “สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ” พระราชาอยุธยา ทรงยอมสนทนาหย่าศึกกับประเทศพม่ามอญ รวมทั้ง มอบช้างเผือก ๔ เชือก อีกทั้งให้ “สมเด็จพระราเมศวร” (ราชลูกชาย) เสด็จไปประทับยังนครหงสาวดีตามพระหวังของกษัตริย์ประเทศพม่า ข้าง “สมเด็จพระมหาธรรมราชา” ก็ต้องเสนอตัว “สมเด็จพระพระราชา” ราชบุตรชายองค์โต ซึ่งมีพระชนมายุได้เพียงแค่ ๙ อายุ ไปเป็นองค์รับรอง ประทับยังหงสาประเทศด้วยเหมือนกัน

ด้วยพระความสามารถสามารถด้านพิชัยยุทธ อีกทั้งองอาจอาจหาญ “สมเด็จพระกษัตริย์” ก็เลยทรงเป็นสุดที่รักปรารถนาของ “พระผู้เป็นเจ้าหงสาวดี บุเรงท่วม” ราวกับพระราชลูกร่วมสายสันตติวงศ์ แลทรงมีสายพระเนตรยาวไกล มีความคิดเห็นว่าสืบไปตรงหน้า “สมเด็จพระกษัตริย์” จะได้ขึ้นยิ่งใหญ่ในอุษาคเนย์ประเทศ ก็เลยทรงปลูกฝังให้สมเด็จพระพระราชาผูกใจรักแผ่นดินหงสา เพื่อจะได้อาศัยเป็นผู้สืบอำนาจอุปการะอาณาจักรซึ่งท่านทรงตั้งขึ้นด้วยความยุ่งยาก แลหาได้วางใจในโอรส “พระผู้เป็นเจ้านันทบุเรง” แล้วก็พระราชหลาน “มังกยอชวา” ด้วยทรงมองเห็นว่าราชสกุลทั้งคู่ท่านนั้น หาได้เป็นผู้ทรงความดี เหตุนี้ก็เลยเป็นชนวนให้ “พระผู้เป็นเจ้านันทบุเรง” และก็ “ราชบุตรชายมังกยอชวา” ขัดใจทั้งยังผูกใจอิจฉาริษยา “สมเด็จพระกษัตริย์” ตลอดมา

ตำนานสมเด็จพระพระราชา 2 ประกาศอิสรภาพพุทธศักราช 2114

“สมเด็จพระมหาธรรมราชา” ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าหงสาวดีบุเรงท่วมตั้งขึ้นเป็นกษัตริย์ครอบครองกรุงศรีอยุธยาสืบต่อจากพระมหินทราธิราชขอความปรานีเกล้าฯ ให้สมเด็จพระกษัตริย์มหาราชทรงเป็นอุปราชครองบ้านครองเมืองพิษณุโลกเมื่อพระผู้เป็นเจ้าหงสาวดีบุเรงท่วมสิ้นพระชนม์ในปี พุทธศักราช 2124 “พระผู้เป็นเจ้านันทบุเรง” ขึ้นครองราชย์สืบแทน แล้วก็ตั้งพระลูกชาย “มังสามเกียด” ขึ้นเป็น “พระมหาอุปราชา” รัชทายาท ในการนี้เจ้าผู้ครองนครอาณานิคมทั้งหลายแหล่จำเป็นต้องมาร่วมแสดงความสวามิภักดิ์ รวมทั้งพระมหาธรรมราชาแล้วก็สมเด็จพระพระราชาด้วย

ในตอนที่เจ้าฟ้าเมืองคังมิได้เสด็จมาร่วมพิธีสำคัญคราวนี้ ส่งผลให้พระผู้เป็นเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงทรงมอบหมายให้พระมหาอุปราชา, พระราชหลาน “นัดหมายจินหน่อง” พระลูกชายเจ้าผู้ครองนครโคนงอู,  หนังอิงประวัติศาสตร์ไทย แล้วก็สมเด็จพระกษัตริย์ช่วยเหลือกันเข้าโจมตีเมืองคัง แม้กระนั้นพระมหาอุปราชากลับสั่งให้สมเด็จพระกษัตริย์เข้าตีเป็นกองทัพท้ายที่สุด ด้วยความเชื่อมั่นและมั่นใจว่ากองทัพของท่านแล้วก็นัดหมายจินหน่องจะบรรลุผลสำเร็จ แม้กระนั้นปรากฏว่าสมเด็จพระกษัตริย์ทรงมีชัยชนะในศึกเมืองคังนี้ สามารถจับเจ้าฟ้าเมืองคังรวมทั้งพระบุตรี “เลอขิ่น” กลับมาได้ รัชทายาทหงสาวดีและก็ราชนิเราลข้างประเทศพม่าซึ่งเป็นศัตรูกันมาตั้งแต่เยาว์วัยก็เลยขุนข้องหมองใจเคียดแค้นสมเด็จพระกษัตริย์เป็นสองเท่า

ถัดมาเมื่อกำเนิดศึกอังวะ พระผู้เป็นเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงให้สมเด็จพระพระราชานำกองทัพมาช่วยรบ แม้กระนั้นพระมหาอุปราชากลับใช้โอกาสนี้คิดแผนลอบปลงพระชนม์ เวลาที่สมเด็จพระกษัตริย์ทรงยั้งกองทัพอยู่ในเมืองแครง แต่ว่าข่าวสารการลอบปลงพระชนม์ได้ล่วงรู้ถึงสมเด็จพระพระราชาผ่านทางพระมหาเถรกระจกเงา สมเด็จพระพระราชาก็เลยถือเหตุการลอบปลงพระชนม์สำหรับการประกาศอิสรภาพตัดมิตรภาพกับหงสาวดี แล้วก็ต้อนคนประเทศไทยชาวมอญคืนนครหลวง

ข้างหงสาวดีเมื่อทราบดีว่าการลอบปลงพระชนม์ไม่เป็นผลสำเร็จ

ก็เลยให้นายทัพสุระกำมารีบนำกองทัพออกติดตามกองทัพของสมเด็จพระพระราชา สุดท้ายก็กองทัพหงสาวดีก็ตามมาถึงในระหว่างที่สมเด็จพระกษัตริย์รวมทั้งไพร่พลกำลังผ่านแม่น้ำ  หนังอิงประวัติศาสตร์ไทย และก็ศึกคราวนี้สมเด็จพระนเศวรทรงใช้พระแสงสว่างปืนต้นยิงผ่านแม่น้ำสะโตงถูกแม่ทัพสุระกำมาตายบนคอช้าง กองทัพประเทศพม่าก็เลยถอบกลับกลับไป

ละครไทยเป็นสิ่งที่อยู่คู่บ้านพวกเรามาหลายสิบปี ทั้งมีการปรับปรุงโดยตลอดบ่อยมา ไม่ว่าจะเป็นในด้านของบทละคร, คอสตูม, เครื่องไม้เครื่องมือประกอบฉาก รวมทั้งยังรวมทั้งเอฟเฟกต์ต่างๆอีกด้วย ซึ่งหนึ่งในจำพวกละครยอดนิยมในยุคนี้ก็คือ ละครไทยย้อนยุค เนื่องจากว่าละครชนิดนี้จะนำพวกเราย้อนกลับไปสู่ช่วงในสมัยสมัยก่อนที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์รวมทั้งวัฒนธรรม สิ่งพวกนี้เป็น กลิ่นที่อดีตกาลที่เหล่านักเขียนรวมทั้งผู้กำกับถือมาแปลความหมายในแบบของตนเอง ทำให้แต่ละเรื่องมีข้อดีแตกต่าง มีการวางพวกเค้าเรื่องหรือเบื้องหลังที่แตกต่าง บางเรื่องก็ย้ำความรักเป็นหลัก หรือบางเรื่องก็บางทีก็อาจจะย้ำการบ้านการเมือง แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นแถวไหนก็ล้วนเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ละครไทยย้อนยุคน่าติดตามเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจ้ะ

ตำนานสมเด็จพระกษัตริย์มหาราช 3 ยุทธกองทัพเรือ

การประกาศเอกราชที่เมืองแครง แล้วก็ฆ่าสุระกำมาเหนือยุทธภูมิฝั่งแม่น้ำสะโตงของ “สมเด็จพระพระราชามหาราช” (สมเด็จพระพระราชา) ในปีพ.ศ. 2127 ได้สร้างความผวาแก่ “พระผู้เป็นเจ้านันทบุเรง” องค์พระราชาหงสาวดีท่านใหม่ ด้วยเกรงว่าการขัดขืนของอยุธยาในคราวนี้จะเป็นเยี่ยงอย่างให้เหล่าเจ้าเมืองขึ้นที่ขึ้นอยู่กับหงสาวดีอาศัยเลียนแบบตั้งตัวเอาใจออกห่างตาม แม้กระนั้นจนกระทั่งใจด้วยติดพันศึกอังวะ ก็เลยจำเป็นต้องส่งเพียงแค่กองทัพ “พระยาพะสิม” แล้วก็ “พระผู้เป็นเจ้าจังหวัดเชียงใหม่” เข้าชิดกรุงศรีอยุธยา ทางหนึ่งนั้นพระผู้เป็นเจ้านันทบุเรงทรงประมาทสมเด็จพระกษัตริย์ ด้วยมีความคิดเห็นว่ายังอ่อนพระอายุอาจไม่บางทีอาจจัดการผู้นำกองทัพผู้ชาญณรงค์ทั้งคู่ได้ ทางหนึ่งก็สำคัญว่ากรุงศรีอยุธยายังระบมแต่ว่าคราวการรบเสียกรุง ไพร่พลของกินยังไม่บริบูรณ์อาจยากจะรักษานครหลวง

คราวนั้นเมียนมาร์มอญชูเข้ามาเป็นศึกขนาบถึง 2 ทาง กองทัพพระยาพะสิมชูเข้ามาทางด่านพระเจดีย์สามองค์เลยล่วงเข้ามาถึงดินแดนสุพรรณ ส่วนพระผู้เป็นเจ้าจังหวัดเชียงใหม่-นรธาเมงสอมาจากตอนเหนือ นำกองทัพบุกลงมาตั้งแคมป์ถึงที่หน้าบ้านสระเกศา ตำบลเมืองจังหวัดอ่างทองเสียงเล่าลือการชนะศึกของสมเด็จพระกษัตริย์บ่อยมากหลายคราเลื่องลือไกลถึงแผ่นดินแถว “เจ้ากรุงบริเวณ” ไม่ได้ทอดธุระ ได้ลอบส่งจารชนคนจีนความสามารถกล้านามว่า “พระยาจีนจันเหม็นตุ” มาลอบสืบความที่กรุงศรีอยุธยาแต่ว่าโดนจับพิรุธได้กระทั่งจำต้องลอบตีสำเภาหนีกลับกรุงบริเวณ

สมเด็จพระกษัตริย์ทรงนำทัพเรือออกตามจนถึงกำเนิดยุทธกองทัพเรือ แต่ว่าพระยาจีนจันตุๆหนีพ้นได้ เมื่อเจ้ากรุงแถวได้รู้เกียรติคุณการณรงค์ของพระพระราชาก็เลยเปลี่ยนแปลงใจหันมาสานความเป็นมิตรกับอยุธยา รวมทั้งส่ง “พระศรีทองราเชนทร์” ผู้น้องชายมาช่วยอยุธยาทำศึกสงครามหงสา หนังอิงประวัติศาสตร์ไทย  ถ้าเกิดแต่ว่าพระศรีทองผู้นี้ไม่เหมือนกับเจ้ากรุงแถวเพราะว่าหาปรารถนาพึงพอใจสร้างมิตรด้วยอยุธยา การได้พระศรีสุพรรณฯ มาเป็นเพื่อนศึกก็เลยคล้ายอยุธยาได้มาซึ่งหอกข้างแคร่

ตำนานสมเด็จพระพระราชามหาราช ภาค อวสานหงสา

ในหนังชุดนี้ และก็เป็นภาคที่ผู้ผลิตรับรองว่าจะเป็นภาคสุดท้ายแน่ๆ ซึ่งก็อาจจริงด้วยเหตุว่า…Spoil เลยละกัน…ภาคนี้เดินเรื่องจนกระทั่งในเวลาที่พระพระราชาสิ้นพระชนม์ ถ้าเกิดยังจะทำต่ออีกก็คงจะเป็นตำนานสมเด็จพระเอกาทศรถยนต์ (ภาค พวกเราจะประพฤติตามคำสัญญา) แต่ว่าคงจะไม่ทำ เพราะเหตุว่ารัชสมัยพระเอกาทศรถยนต์ไม่ค่อยมีสงคราม ประวัติศาสตร์ที่ไทยเรียนกันส่วนมากเป็นประวัติศาสตร์การศึก หนัง/ละครแนวพีเรียดประวัติศาสตร์ส่วนมากก็เลือกทำกันแม้กระนั้นตอนการสู้รบเป็นหลัก ในขณะที่จริงๆก็ทำฉากการศึกกันได้ไม่ค่อยดีเท่าใด

ก่อนที่จะออกนอกประเด็นไปไกล ขอกลับเข้าประเด็น… จริงๆตอนภาค 5 ยุทธหัตถี ก็มีการโปรโมตกันว่าโน่นจะเป็นภาคสุดท้ายแล้ว อุตส่าห์ทำเพลงสนามรบท้ายที่สุดมาโปรโมต แม้กระนั้นในที่สุดก็ทำภาค 6 ต่อ เพราะเหตุว่าถ่ายเหลือไป แล้วก็ผู้ผลิตยังไม่สบอารมณ์กับฉากจบของภาค 5 เยอะแค่ไหน ส่วนที่โปรโมตกันไปว่าภาคก่อนที่จะเป็นภาคสุดท้ายก็ช่างเถอะ เนื่องจากว่าผู้ผลิตไม่ใช่คนพูดว่าโน่นเป็นภาคสุดท้าย เป็นค่ายที่โปรโมตเป็นคนบอกต่างหาก (ในขณะนั้นราวกับจะมีปัญหากันด้วย เนื่องจากว่าท่านมุ้ยก็มิได้ไปร่วมงานเปิดตัวภาค 5)

หนังตั้งชื่อภาคเสียสุดแรงต้อนรับ AEC ว่า “อวสานหงสา” เล่าราวเรื่องข้างหลังการยุทธหัตถี พระผู้เป็นเจ้านันทบุเรงกำเนิดความคลั่งจากการสูญเสียพระลูกชาย ก็เลยพูดให้นำทหารที่ตามไปรบไปประหารเสียหมด และก็ยังลงมือฆ่าพระสุวรรณกัลยาณี พระเชษฐน้องหญิงของพระกษัตริย์ด้วย ทำให้พระกษัตริย์แค้นเคืองก็เลยเคลื่อนพลไปบุกหงสาวดี หวังจะฆ่าพระผู้เป็นเจ้านันทบุเรงให้ได้

โปรโมชั่น

สมัครใหม่ฝาก 300 รับ 400 บาท ฝาก 500 รับ 700 บาทTurn Over 5 เท่า

โปรย้ายค่าย รับโบนัส 100% ของยอดฝาก

ฝากแรกของวัน รับโบนัส 5% สูงสุด 1,000 บาท Turn over 10 เท่า

เพื่อนฝากครั้งแรกรับ 20% สูงสุด 300 บาท

คืนยอดเสีย 4.8% สูงสุด 7,000 บาท

สอบถามข้อมูล ได้ที่ Line @viewbet369

 

บาคาร่า 888

https://lauramoraniglesias.com/