the covenant เรื่องย่อ โลเคชั่นของหนังประเด็นนี้นับว่าแจ่มมากมาย แน่ๆว่าพวกเขาเป็นไปไม่ได้ไปถ่ายทำในสถานที่จริงอยู่แล้ว แม้กระนั้นการเลียนแบบบรรยากาศของอัฟกานิสถานในหนังหัวข้อนี้นับว่าออกจะใช้ได้ทีเดียว หากว่าอันที่จริงแล้วในหนังพวกเขาจะถ่ายทำอยู่ในประเทศสเปนเป็นหลัก ส่วนมุมภาพและก็มุมกล้องถ่ายรูปก็ยังไม่ทิ้งลวดลายของ กาย ริตชี วิธีต่างๆบางครั้งอาจจะมิได้มีลูกเล่นอะไรเยอะแค่ไหน
แต่ว่ามีส่วนสำหรับเพื่อการช่วยบิวท์อารมณ์และก็บรรยากาศของหนังเอาไว้ภายในจังหวะที่ดียิ่งมาได้เรื่องแสดงที่เป็นมือโปรของ “เจค จิลเลนฮาล” เข้าไปด้วย ยิ่งทำให้หนังเต็มไปด้วยอรรถรสเข้าไปใหญ่ เขามอบการแสดงที่เด็ดขาดสไตล์ของเขา เล่นน้อยแม้กระนั้นให้ออกมามากมาย ถึงจะมิได้เป็นการแสดงระดับมาสเตอร์พีชอะไร
แม้กระนั้นเขาก็คือนักแสดงหลักที่หามหนังหัวข้อนี้เอาไว้ได้ดีเยี่ยม The Covenant เหมือนกันกับ “ดาร์ ซาลิม” ที่ไม่กล่าวถึงมิได้เลย นับว่าบทส่งให้เขาอยู่ไม่น้อย แต่ว่าค้างแรกเตอร์นี้เต็มไปด้วยนานัปการมุมให้น่าตรวจสอบ แล้วก็เขาก็ทำออกมาก้าวหน้า ในลักษณะไม่ค่อยพูดต่อยหนักที่สำคัญบทหนังยังมุ่งวิพากษ์การบ้านการเมืองโลกไม่เหมือนกับงานชิ้นก่อนที่จะมักไปตรวจวัฒนธรรมเฉพาะถิ่นชาวไอริช หรือทำหนังจากวรรณกรรมดัดแปลงแก้ไขให้มีความบ้าคลั่งไปเลย
แม้กระนั้นกับ ‘Guy Ritchie’s The Covenant’ มันกลับมีแมสเซจด้านการเมืองแจ่มแจ้งไม่อ้อมค้อมโดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนสุดท้ายที่เอ๋ยถึงโชคชะตาอันน่าสงสารของบรรดาล่ามแปลภาษาข้างหลังอเมริกาถอนกำลังออกมาจากอัฟกานิสถานแล้วก็พอเพียงหนังถูกหุ้มห่อด้วยความเป็นหนังสงคราม (War Film) ดราม่ามันจะถูกเผยออกมาผ่านความประพฤติปฏิบัติผู้แสดงที่กล้วยๆ
ตั้งแต่ความหวาดกลัวในแววตาของนายสิบจอห์น คินส์ลีย์ ที่ เจก จิลเลนฮาล แสดงไว้ได้อย่างดียิ่งหรือความเด็ดเดี่ยวและก็เมตตาธรรมของอาเหม็ดที่ถูกถ่ายทอดได้อย่างเป็นธรรมชาติแล้วก็ชวนมองของดาร์ ซาลิมและก็เขาก็เลือก อาห์เหม็ด (Dar Salim จากซีรีส์เรื่อง ‘Game of Thrones’ แล้วก็หนังเรื่อง ‘Black Crab’) แม้ว่าจะรู้ดีว่าชายอัฟกันคนนี้มีบุคลิกลักษณะหัวแข็ง
และก็ควบคุมได้ยาก ก่อนที่จะภารกิจที่เต็มไปด้วยอันตราย จะพาพวกเขาให้จะต้องพบเจอโชคชะตาด้วยกัน แล้วก็แปลงเป็นเขารอดชีวิตได้ไพเราะล่ามแปลภาษามนุษย์นี้ แม้กระนั้นก็ทำให้จอห์นรู้สึกตัวว่า เขาจำเป็นต้องกลับไปเพื่อช่วยล่ามคนนั้นออกมา ก่อนที่จะไม่เหลือลมหายใจให้ช่วยเหลือรวมทั้งเล่าอีกด้านหนึ่งในการสู้รบหรือผลปรากฏว่าของการรบที่คนผู้คนจำนวนมากอาจมองผ่านไป ดูแล้วก็ เอ้อ… Guy Ritchie ก็มุ่งมั่นก้าวหน้าเช่นเดียวกัน
รีวิวหนัง ‘เดอะ วัวเวแนนท์’ the covenant เรื่องย่อ
บางทีอาจคาดการณ์ว่าหนังของกาย ริทชี่ ควรจะมีฉากเปิดหรูๆงานสโลว์โมชันจำต้องมา มีความขำขันกวนๆหรือจำเป็นต้องหักเหลี่ยมเชือดคม แม้กระนั้นไม่ใช่สำหรับหนังประเด็นนี้ ที่แทบราวกับหนังสงครามจากเรื่องราวจริงเลยด้วย นี่มันเป็นหนังแนวแอคชัน ผสมทริลเลอร์ รวมทั้งบางทีอาจจะรวมดราม่าเข้าไปด้วย หนังก็เลยมองเคร่งขรึมตั้งใจจริงแม้กระนั้นก็มีมุกเล็กๆแทรกเข้ามานิดนึง
ตกลงว่าภายหลังที่ได้เสพงานหนังของ กาย ริตชี มาหลายเรื่องก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ก็แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นเลิศในผู้กำกับที่มีความมากมายสำหรับการผลิตอยู่ไม่น้อย ถึงจะถนัดในงานสร้างภาพยนตร์แอคชั่นสไตล์สุภาพบุรุษ แม้กระนั้นเขาก็ยังหันมาทำหนังแฟนตาซีให้ดิสนีย์ได้ แล้วก็ปัจจุบันมาจับทำหนังดราม่าเกี่ยวกับการรบออกมาก้าวหน้าอีกด้วยเหมือนกัน ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เลยว่า กาย ริตชี ชื่อนี้ไม่มีอะไรที่เขาจะทำไม่ได้ในแวดวงหนังอีกแล้ว
หนังองก์แรกเพียงแค่ปูเรื่องราวความเกี่ยวพันและก็ภารกิจ จวบจนกระทั่งกลุ่มของ John Kinley ไปปะทะกับตาลีบันจนตายชูกลุ่ม เหลือเพียงแค่ John Kinley กับ Ahmed ที่หนีพ้นไปได้ โดยองก์นี้รวมๆเสมือนหนังสงครามทั่วๆไป ในองก์สอง พวกเราจะได้ร่วมลุ้นไปกับการหลบซ่อนการไล่ล่ารวมทั้งการเอาชีวิตรอด โดยเฉพาะตอนที่ John Kinley ได้รับบาดเจ็บรุนแรง จนกระทั่ง Ahmed ต้องหาบเขาผ่านเขาลูกแล้วลูกเล่ากว่าจะกลับไปพบฐานทัพ
ถัดมาองก์สาม John Kinley ซึ่งตัวกลับมาอยู่อเมริกาแล้ว จำเป็นต้องบากบั่นทำทุกช่องทางเพื่อช่วยทำให้ Ahmed ซึ่งกำลังถูกตาลีบันหมายหัวเป็นกบฏเลขลำดับหนึ่งค่าหัวแพง เว็บดูหนังไทยออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง อีกทั้งการโทรไปรีบขอวีซ่าจากสถานทูตรวมทั้งบินกลับไปอัฟกานิสถานเพื่อช่วยพา Ahmed แล้วก็ครอบครัวมาอเมริกาด้วยตัวเอง (องก์สามนี้ แจ่มแจ้งเลยว่าเพราะอะไรจะต้องเป็นพี่ Jake Gyllenhaal)
แม้ว่าแต่ละองก์จะเปลี่ยนแปลงผ่านกันอย่างไม่ค่อยสมูธกลมกลืนสักเท่าไหร่ แม้กระนั้นโดยรวม The Covenant จัดเป็นหนังของ Guy Ritchie ที่พวกเราถูกใจมากมาย (ธรรมดาหนังของ Guy Ritchie ไม่ใช่แนวของพวกเราเยอะแค่ไหน) แล้วตอนต้นมีความคิดเห็นว่า The Covenant ก็ออกไปทางแนวหนังสงครามที่เสมือนจะไม่ใช่แนวของพวกเราอีก แม้กระนั้นพอใช้มอง นี่เป็นหนังสงครามที่โคตรมีหัวดวงใจ
เมื่อGUY RITCHIE เลิกขำแล้วยำผู้ชมด้วยความระทึก
กระนั้นแม้ต้องบอกข้อด้อยหรือแผลของหนังก็ยังคงเห็นได้ชัดอีกทั้งการตัดสินใจของ จอห์น คินส์ลีย์ ที่ใช้ฝันร้ายแล้วก็หนี้สินชีวิตมาเคลื่อนตกลงใจ หากแม้พวกเราจะได้ฉากเข็นเปลสุดทรหดอาเหม็ดมาช่วยก็ตาม หรือจนถึงเรื่องราวในองก์ 2-3 ที่ดูเหมือนจะสั้นจนถึงไม่ดีเหมือนปกติ แถมปัญหาใดๆก็ตามบางครั้งก็อาจจะยังไม่เข้มข้นเท่าเรื่องราวในองก์แรกของหนัง
แม้กระนั้นเอาเถอะเมื่อเทียบกับประสบการณ์เหงื่อแตกมือลุ้นกระทั่งมือจิกเบาะอีกทั้งเรื่องแล้ว ‘Guy Ritchie’s The Covenant’ ก็ยังเป็นหนังที่มีคุณค่าแก่การดูในโรงหนังอยู่ดีนะครับมันเป็นภารกิจของทหารคนอเมริกันที่ทำหน้าที่อยู่กึ่งกลางแผ่นดินอัฟกัน พวกเขาเป็นคนผิวขาวที่เป็นบุคคลภายนอก ไม่เป็นที่ยอมรับของคนพื้นที่ รวมทั้งนับว่าเป็นคนไร้วัฒนธรรม
และก็แน่ๆว่า การที่คนภายในพื้นที่เลือกมาเป็นล่ามให้กับคนประเทศอเมริกา ย่อมถูกดูอย่างดูถูกดูแคลน แม้กระนั้นสำหรับ อาห์เหม็ด ผู้แสดงนำของเรื่อง เขามีเหตุมีผลที่ทำให้ชิงชังตาลีบัน ซึ่งโน่นทำให้เขาปฏิบัติงานร่วมกับทหารเมกันราวกับแกงที่ต้มจนถึงขาดทุนมากยิ่งกว่าคนอื่นๆแม้กระนั้นจำอะไรไม่ค่อยได้จากการเช็ดกฟาดศีรษะ อย่างเดียวที่เขาคิดออกเป็น อาเหม็ด ผู้ช่วยชีวิตเขา
ที่ยังคงอยู่ที่อัฟกานิสถานโดยมิได้รับการช่วยเหลืออะไรก็แล้วแต่นายสิบจอห์นที่จำอะไรมิได้ กลับรู้สึกค้าง รวมทั้งรู้สึกว่าเขากำลังพาครอบครัวผู้มีบุญคุณอย่างอาเหม็ด เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายในดินแดนการทำศึก นายสิบจอห์น ก็เลยตกลงใจพาตนเอง กลับสมสู่รภูเขาไม่ ท่ามกลางเสียงค้านของนายทหารชั้นผู้ใหญ่ แม้กระนั้นดวงใจที่แน่แน่วของนายสิบจอห์น ทำให้เขาเลือกฝ่าโดดเดี่ยวเพื่อพาอาเหม็ดรวมทั้งครอบครัว
หลบภัยไปยังอเมริกาโดยสวัสดิภาพดังที่เคยได้รับปากไว้จะเล่าราวของนายทหารอเมริกัน นายสิบ จอห์น คินลี่ย์ กับ อาเหม็ด ล่ามคนอัฟกานิสถาน โดยพวกเขาดำเนินงานสำหรับในการเที่ยวตรวจตามเดิม the covenant เรื่องย่อ แต่ว่าจู่ๆกองทัพสหรัฐถูกกรุ๊ปตาลีบันเข้าจู่โจม อาเหม็ดใช้ความมานะบากบั่นอย่างเต็มกำลังเพื่อช่วยเหลือนายสิบจอห์น
พวกเราบางทีอาจจะเคยได้ดูหนังการทำศึกที่เล่าถึง PTSD ของพวกทหารที่จำต้องเผชิญจากสิ่งที่ทำหรือสิ่งที่เผชิญในสนามรบ เป็นต้นว่า American Sniper แต่ว่า The Covenant มันเป็น PTSD จากสิ่งที่มิได้ทำ มันก็คือ การที่ตนเองรอดมาผู้เดียวและไม่พาเพื่อนพ้องร่วมทุกข์ยาก โดยยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่เป็นผู้ช่วยชีวิตตนเอง ได้กลับไปอยู่ที่บ้านมาด้วย อีกอย่างหนึ่ง
กระตุกต่อมสละชีพ..น้ำตาคลอเบ้า ฉบับผู้กำกับ กาย ริตชี
แม้ว่าหนังจะบทสำหรับพูดไม่มากมายเสมือนหนังของ Guy Ritchie เรื่องอื่นๆแม้กระนั้นฉากบู๊แอ็คชั่นก็สนุกสมศักดิ์ศรี รวมทั้งในตอนที่นักแสดงมีการเจรจากัน ไดอะล็อกก็แอบมีคารมคมคายตามสไตล์ผู้กำกับอยู่ the covenant เรื่องย่อ พาไปติดตามเรื่องราวของ นายสิบจอห์น คนที่จะต้องไปดำเนินงานคราวสุดท้ายที่อัฟกานิสถาน โดยเข้าจะร่วมงานกับล่ามเขตแดน อาเหม็ด คนที่เสี่ยงอันตรายนำเอาตัวของ จอห์น ที่เจ็บฝ่าพื้นที่การรบเพื่อไปสู่ที่ปลอดภัย
ด้วยเหตุนั้นโดยภาพรวมแล้ว The Covenant ก็ถือได้ว่าหนังที่ค่อนข้างจะมอบผลที่เซอร์ไพรส์อยู่พอได้ ด้วยเหตุว่ามิได้คาดหมายที่กำลังจะได้รับพลังที่ยิ่งใหญ่อะไรอย่างนี้ แม้กระนั้นหนังสามารถตอบปัญหาและก็สร้างความอิมแพคต่อดวงใจผู้ชมได้อย่างดีเยี่ยม ถึงแม้หนังจะยังค่อยข้างเพลย์เซฟกับสูตรสำเร็จที่มิได้แปลกใหม่ใดๆก็ตาม แม้กระนั้นขั้นต่ำๆก็ทำหนังออกมาได้สนุกสนานและก็ติดอกติดใจ
นี่น่าจะเป็นอีกหนึ่งหนังทหารที่น่าจำเอาไว้อีกหนึ่งเรื่องในยุคนี้อย่างยิ่งจริงๆรวมทั้งที่เกื้อหนุนดราม่าของหนังเจริญมากมายเป็นการดูแลภาพของ เอ็ด ไวลด์ (Ed Wild) ที่ใช้ภาพมุมเงย (Worm Eye View) มาแทนสายตาของ นายสิบจอห์น คินส์ลีย์ ตอนนอนอยู่บนเปลที่ถูกเอามาใช้ได้อย่างมีคุณภาพในฉากสำคัญของหนัง หรือความดีเลิศมากมายๆ
อย่างหนึ่งในฐานะผู้ที่จะต้องดูภาพยนตร์จากแถวที่ 3 ของจออย่างผมในรอบสื่อเป็นการออกแบบภาพของมันดันใส่รับกับการดูในระยะใกล้จอมากๆมีผลต่ออารมณ์สำหรับเพื่อการรับดูเจริญทีเดียวเกิดเรื่องราวของ นายสิบสิบเอก จอห์น คินลีย์ กับ อาเหม็ด ล่ามภาษาชาวอัฟกัน ที่จะต้องตะลอนต่อสู้ป่าดงตาลีบานด้วยกัน ภายหลังจากกองกำลังของพวกเขาได้ถูกซุ่มจู่โจมอย่างมากถ่วง
โดยที่อาเหม็ดได้มานะอย่างเต็มกำลังเพื่อช่วยเหลือจอห์นเอาไว้ให้ได้ แม้กระนั้นเมื่อจอห์นฟื้นขึ้นมารู้ดีว่า อาเหม็ดยังคงหลบๆแอบซ่อนๆอยู่ที่อัฟกานิสถาน ที่ตาลีบานได้หมายหัวเขาเอาไว้จากความกล้าหาญที่เขาได้ช่วยเหลือทหารอเมริกันเอาไว้ ทำให้เขาเลือกที่จะกลับไปสู่สนามรบตนเองอีกที เพื่อช่วยเหลือ…เพื่อนพ้องร่วมรบแม้กระนั้นกับมีเส้นเรื่องและก็ส่วนประกอบอื่นที่หนักแน่นมากกว่า
รวมทั้งอีกเหมือนเคย The Covenant ก็ยังคงได้ผลหน้าที่การงานเขียนบทหนังของ 3 ทหารเสือหน้าคุ้น กาย ริตชี ร่วมด้วย อิแวน แอตคินสัน กับ มาร์น เดวีส์ ที่พวกเขาทั้งคู่คนต่างประสานมือกันเขียนบทและก็ปรับปรุงบทมาด้วยกันในผลงานหลายๆหัวข้อนี้ สำหรับในหนังประเด็นนี้นั้นนับว่ามีกลิ่นที่ต่างไปจากงานเดิมของพวกเขาอยู่ไม่น้อย ถึงแม้มันจะยังแทรกสอดกลิ่นความเป็นหนังสุภาพบุรุษแนวถนัดอยู่ไปบ้าง
ในความรู้สึกของนายแพท หนังหัวข้อนี้ก็ดูไม่ได้รีบร้อนจะเล่าให้ดำเนินเรื่องฉับไวอะไรขนาดนั้น กลับให้เวลาเล่าถึงสิ่งที่ผู้แสดง 2 ตัวจำเป็นต้องใช้ด้วยกัน เพื่อบอกกล่าวความมั่นคงที่จะเกิดขึ้นตอนหลัง หนังใช้ทิวภาพในแถบประเทศสเปนที่ถ่ายทำออกมาให้ดังเป็นอัฟกานิสถาน ผ่านมุมกล้องถ่ายภาพงามๆรวมทั้งบางจุดก็ใช้แฮนด์เฮลด์ที่เชิญชวนให้รู้สึกเหมือนจริงเข้าไปอีก ดูหนังฟรีออนไลน์ เสริมด้วยเสียงสกอร์ที่เชิญรู้สึกอึดอัดปนลุ้นระทึก
