ดูหนังพระนเรศวร อิงประวัติศาสตรเรื่องยิ่งใหญ่ในวงการหนังไทย

ดูหนังพระนเรศวร

ดูหนังพระนเรศวร ถ้าหากจะพูดถึงหนังอิงประวัติความเป็นมาศาสตรเรื่องยิ่งใหญ่ในแวดวงภาพยนตร์ไทย

ดูหนังพระนเรศวร ที่เปลี่ยนมาเป็นแฟรนไชส์หนังชุดใหญ่โตมโหฬาร คงหนีไม่พ้นความยอดเยี่ยมของหนังชุด “ตำนานสมเด็จพระพระราชามหาราช” กษัตริย์ผู้มีอิทธิพลที่กู้อิสระให้กับไทยจากการเสียกรุงศรีอยุธยาคราวแรก รวมทั้งยังทรงแสดงอำนาจของแว่นแคว้นไทยออกไป

อย่างกว้างใหญ่ไพศาล อีกทั้งสี่ด้านของแหลมมลายูเรื่องราวที่ถูกจารึกของท่านได้ถูกเปิดเผยออกมาเป็นหนังฟอร์มใหญ่ ฉบับบริบูรณ์ 6 ภาค ที่เดินเรื่องมาตั้งแต่ขณะทรงพระเยาว์ ผ่านศึกการสู้รบมาหลายเรื่องราว ผ่านมุมมองการถ่ายทอดเรื่องราวของ “ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล” และก็คณะทำงานระดับประเทศ ร่วมด้วยดาราชั้นแนวหน้าทั่วฟ้าประเทศไทย นี่ก็เลยเปลี่ยนเป็นหนึ่งแฟรนไชส์ภาพยนตร์ไทยอันมีคุณค่า

ดูหนังพระนเรศวร

อัดแน่นด้วยสาระความเบิกบานใจ และก็เป็นภาพยนตร์ไทยที่มีการใช้งบประมาณสร้างที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์เรื่องหนึ่งอย่างยิ่งจริงๆ ตำนานสมเด็จพระพระราชามหาราช ภาค ๑ องค์รับรองหงสา (2550)พ.ศ. 2106 “พระผู้เป็นเจ้าหงสาวดีบุเรงท่วม” ทรงกรีฑากองทัพเข้าตีแว่นแคว้นอยุธยาทางด่านระแหงตำบลเมืองตาก

กองทัพเมียนมาร์มอญซึ่งมีกองทหารเหลือคณานับได้ ดูหนังพระนเรศวร  ยึดครองหัวเมืองข้างเหนือของอาณาจักรอยุธยาอันมีเมืองพิษณุโลกเป็นดุจดังเมืองราชบุรีได้ได้ผลสำเร็จเสร็จ ตอนนั้น “สมเด็จพระมหาธรรมราชา” (ฉัตรชัย ส่องแสงพานิช) พระราชพ่อของ “สมเด็จพระกษัตริย์” หรือ “ท่านดำ” (ปรัชฌา ลั่นวัฒนาความรื่นเริง) ซึ่งเป็นกษัตริย์ครองบ้านครองเมืองพิษณุโลก

ต้องยอมอ่อนน้อมต่อพระผู้เป็นเจ้าบุเรงท่วมเพื่อรักษาไว้ซึ่งชีวิตราษฎรไม่ให้ควรจะมีภัยอันตรายรวมทั้งจำเป็นต้องยอมร่วมกระบวนกองทัพประเทศพม่าเข้าตีกรุงศรีอยุธยา ศึกตอนนั้นสมเด็จพระมหา จักรพัตราธิราชกษัตริย์อยุธยาทรงยอมสนทนาหย่าศึกกับเมียนมาร์มอญ รวมทั้งยอมมอบช้างเผือก 4 เชือก อีกทั้งให้สมเด็จพระราเมศวรราชลูกชาย

โดยเสด็จพระผู้เป็นเจ้าบุเรงท่วมไปประทับยังนครหงสาวดีตามพระมุ่งหวังของกษัตริย์เมียนมาร์ ข้างสมเด็จพระมหาธรรมราชาซึ่งได้ยอมอ่อนน้อมต่อพระผู้เป็นเจ้าบุเรงท่วมก็ได้มอบสมเด็จพระกษัตริย์ราชลูกชายองค์โตให้ไปเป็นองค์รับรองประทับยังหงสาประเทศเหมือนกับกัน ตอนนั้นท่านทรงมีพระชนมายุได้เพียงแค่ 9 อายุ

สมเด็จพระพระราชาทรงเป็นหวานใจต้องการของพระผู้เป็นเจ้าหงสาวดีบุเรงท่วมราวกับพระราชลูกร่วมสายสันตติวงศ์ ด้วยองค์ยุพราชอยุธยาทรงมีพระปัญญาสามารถสามารถด้านพิชัยยุทธ ทั้งองอาจอาจหาญสบใจกษัตริย์เมียนมาร์ซึ่งก็ทรงเป็นนักการทหาร นิยมผู้มีคุณลักษณะเป็นนักสู้เช่นท่าน พระผู้เป็นเจ้าบุเรงท่วมทรงมีสายพระเนตรยาวไกล

แลเห็นว่าสืบไปตรงหน้าสมเด็จพระกษัตริย์จะได้ขึ้นยิ่งใหญ่ในอุษาคเนย์ประเทศ

ก็เลยทรงคิดอยากปลูกฝังให้สมเด็จพระพระราชาผูกใจรักแผ่นดินหงสา เพื่อจะได้อาศัยท่านเป็นผู้สืบอำนาจอุ้มชูแว่นแคว้นซึ่งท่านทรงตั้งขึ้นด้วยความลำบาก เป็นที่ประจักษ์แจ้งว่าพระผู้เป็นเจ้าบุเรงท่วมนั้นหาได้วางใจในบุตรชายเป็น “มังเอิน – พระผู้เป็นเจ้านันทบุเรง” (จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์) แล้วก็พระราชหลาน

“มังสามเกียด” (โชติ บัวทอง) นัก หากแม้ทั้งคู่ท่านจะทรงเป็นบุตรหลานโดยตรง ด้วยทรงมองเห็นว่าราชสกุลทั้งคู่ท่านนั้นหาได้เป็นผู้ทรงคุณงามความดีอันจะนำพาไปเป็นหลักฐานให้เจริญเติบโตเป็นบูรพกษัตริย์ ดูหนังพระนเรศวร คุ้มครองปกป้องครองราชย์สมบัติที่ท่านทรงสร้างและก็บำรุงมาด้วยกำลังเชาวน์แล้วก็ความรักหวง เหตุดังนี้เป็นชนวนให้พระเจ้านันทบุเรงและก็ราชลูกชายมังสามเกียดขัดใจ อีกทั้งผูกใจอิจฉาริษยาสมเด็จพระกษัตริย์ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของพระผู้เป็นเจ้าหงสาวดีบุเรงท่วมกว่าราชสกุลข้างเมียนมาร์ทั้งหลายแหล่ทั้งหมด

พระผู้เป็นเจ้าบุเรงท่วมทรงโปรดให้ “พระมหาเถรคันฉาย” (สรดงษ์ ชาตรี) พระรามัญผู้มากมายด้วยวิทยาคุณรวมทั้งเจนจบในตำราพิชัยสงครามเป็นพระคุณครูถ่ายทอดศิลป์วิทยาการแก่สมเด็จพระพระราชา

ดูหนังพระนเรศวร

นับตั้งแต่เริ่มเข้าประทับในหงสานครมีผลให้ยุพราชอยุธยาชำนิชำนาญการยุทธ มายากลช้าง กลม้า มายากลศึก อีกทั้งข้างอยุธยาแล้วก็ข้างเมียนมาร์มอญหาผู้เหมือนไม่ได้ สิ่งที่ได้เปรียบตามกล่าวเป็นเหมือนทุนทางสติปัญญาอันนำมาซึ่งการทำให้สมเด็จพระกษัตริย์สามารถกู้เอกราช แก้ทางศึกจนกระทั่งมีชัยเหนือประเทศพม่ามอญในวันข้างหน้า

พ.ศ. 2112 ปรากฏข่าวสารเลื่องลือไปถึงหงสาวดีว่าหัวเมืองพิษณุโลกข้างเหนือแลกเปลี่ยนรุงศรีอยุธยาราชบุรีข้างใต้ของแว่นแคว้นไทยคราวนั้นกำเนิดมีความขัดแย้งขัดแย้งกัน เหตุเพราะว่า “สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ” (ศรัณยู ตระกูลชัดเจน) กษัตริย์อยุธยาเสด็จออกอุปสมบท แลแต่งตั้ง “สมเด็จพระมหินทร์” (ความสงบสุข พระพรหมศรี) ราชบุตรชายองค์รองขึ้นเสวยราชย์สืบแทน สมเด็จพระมหินทร์ทรงสงสัยใจในความซื่อสัตย์ของสมเด็จพระมหาธรรมราชาแต่ว่าครั้ง

การทำศึกชิงช้างเผือกในปีพ.ศ. 2106 เวลาที่พระราชาพิษณุโลกก็หาได้เคารพสมเด็จพระมหินทร์ดังเช่นว่าสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ เมื่อมองเห็นการใดมิควรก็บัญชาการให้สมเด็จพระมหินทร์ประพฤติตามพระมุ่งมาดปรารถนาจนกระทั่งเป็นที่ขุ่นเคืองใจใจกษัตริย์อยุธยาท่านใหม่ถึงกับหันไปสมคบคิดกับ “สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช” (รอน บรรจงสร้าง)

พระผู้เป็นเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตล้านช้างร่มขาวด้วยกันแต่งมายากลเข้าโจมตีเมืองพิษณุโลก แม้กระนั้นทำการมิสำเร็จพระผู้เป็นเจ้าหงสาวดีบุเรงท่วมมองเห็นเชิงได้โอกาสก็ยกพลใหญ่เข้าตีกรุงศรีอยุธยาอีกคำรบ คราวนั้นสมเด็จพระกษัตริย์ร่วมโดยเสด็จมาพร้อมกับกองทัพหงสาแต่ว่าหาได้ตามพระผู้เป็นเจ้าบุเรงท่วมลงมาล้อมกรุงศรีอยุธยา

ทรงประทับอยู่เพียงแค่เมืองพิษณุโลก มีเพียงแต่สมเด็จพระมหาธรรมราชาโดยเสด็จกษัตริย์หงสาลงมาล้อมกรุงด้วยตั้งใจจะโน้มน้าวให้สมเด็จพระมหินทร์ยอมสวามิภักดิ์พระผู้เป็นเจ้าบุเรงท่วม คําสาปรักชายาผมขาว พากย์ไทย  เนื่องจากมองเห็นว่าอยุธยายากจะต่อรบเอาชัยกองทัพประเทศพม่ามอญซึ่งมีกำลังไพร่พลเหนือกว่าได้ ถ้าแข็งข้อต่อรบ

จะได้ยากแก่สมที่ชีพราหมณ์ราษฎร ศึกตอนนั้นสมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงลาบวชมาบัญชาการรบด้วยท่านเอง แต่ว่าอยู่ได้ไม่นานก็เสด็จสิ้นพระชนม์เสียระหว่างศึกพ.ศ. 2112 ปีงูเล็กศก วันอาทิตย์ เดือน 9 แรม 11 เย็น กรุงศรีอยุธยาก็เสียแก่พระผู้เป็นเจ้าหงสาวดีบุเรงท่วม

ข้างสมเด็จพระกษัตริย์ซึ่งประทับอยู่ยั้งยังนครพิษณุโลกแต่แรกเริ่มศึก หาได้ทรงมองเห็น

สวยหรือคิดเกรงกลัวอ่อนน้อมต่อหงสา ดูหนังพระนเรศวร ถึงจะทรงรู้ดีว่าสมเด็จพระมหาธรรมราชาพระราชพ่อไม่ได้คิดคดทรยศเป็นกบฏต่อแผ่นดิน

แต่ว่าก็หาได้เห็นด้วยกับการยินยอมสวามิภักดิ์เมียนมาร์มอญ น้ำใจอันมั่นคงมั่นคงนั้น แม้ว่าจะไม่ได้เปิดเผยถึงพระหูพระผู้เป็นเจ้าบุเรงท่วม แต่ว่าก็แจ่มแจ้งอยู่ในกลุ่มข้าหลวงสนิทสนมผู้รักและก็แหนหวงในเอกราชของแผ่นดินก็เลยพากันนิยมในน้ำใจ แลร่วมใจมอบให้ความซื่อสัตย์แม้กระนั้นนั้นมา เมื่อเสร็จศึกอยุธยาพ.ศ. 2112 สมเด็จพระมหาธรรมราชาทรงมอบ “พระทองคำนางงาม” (เกรซ มหาดำรงค์กุล)

พระพี่นางสมเด็จพระพระราชาแก่พระผู้เป็นเจ้าหงสาวดีบุเรงท่วม แลขอตัวสมเด็จพระกษัตริย์ไว้ช่วยราชการข้างอยุธยา สมเด็จพระพระราชาก็เลยประทับยั้งอยู่ยังเมืองพิษณุโลก สืบต่อมาครั้นเมื่อลุปีพ.ศ. 2114 สมเด็จพระมหาธรรมราชา ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าบุเรงท่วมแต่งตั้งขึ้นเป็นกษัตริย์ครอบครองกรุงศรีอยุธยาสืบต่อจากสมเด็จพระมหินทร์ก็โปรดให้สมเด็จพระพระราชาเสวยราชสมบัติครองบ้านครองเมืองพิษณุโลกยิ่งใหญ่เหนือหัวภาคเหนือทั้งหมด

ดูหนังพระนเรศวร

เหตุข้างประเทศพม่า ภายหลังจากพระผู้เป็นเจ้าหงสาวดีบุเรงท่วมสวรรคตในปีพ.ศ. 2124 พระผู้เป็นเจ้านันทบุเรงได้ขึ้นรับประทานราชสืบต่อรวมทั้งได้แต่งตั้งมังสามเกียดขึ้นเป็นรัชทายาทได้รับตำแหน่งมหาอุปราชาที่แว่นแคว้นหงสาวดี เมื่อแผ่นดินหงผัวอันจำเป็นต้องผลัดมือมาอยู่ในดูแลของพระผู้เป็นเจ้านันทบุเรง มิตรภาพระหว่างอยุธยารวม

ทั้งหงสาวดีก็เริ่มคลอนแคลน ด้วยพระผู้เป็นเจ้าหงสาวดีท่านใหม่ไม่ได้วางใจในสมเด็จพระพระราชา แล้วก็สมเด็จพระพระราชาเองก็หาได้เคารพยำเกรงในบุญบารมีของพระมหากษัตริย์เมียนมาร์มอญดังเช่นว่ากาลก่อน ไม่เพียงเท่านั้นสมเด็จพระกษัตริย์ยังได้ทรงแสดงพระปัญญาสามารถสามารถให้เป็นที่ปรากฏเกรงกลัว ดังคราวนำกำลังทำยุทธกองทัพเรือกับพระยาจีนจันตุๆและก็ศึกเมืองคังเป็นต้น

พระผู้เป็นเจ้านันทบุเรงทรงเกรงว่าสืบไปตรงหน้าสมเด็จพระพระราชาจะเป็นภัยต่อราชวงศ์แลแผ่นดินหงสา ก็เลยหาเรื่องวางมายากลศึกหมายจะฆ่าสมเด็จพระกษัตริย์เสียที่เมืองแครง แม้กระนั้นพระมหาเถรคันฉายพระราชครูลอบนำแผนทำร้ายนั้นมาแจ้งให้ลูกศิษย์รักได้ทราบความ สมเด็จพระกษัตริย์ก็เลยนับว่าเป็นเหตุประกาศเอกราช ตัดมิตรสัมพันธ์กับหงสาวดี

แลกเปลี่ยนวาดต้อนห้องครัวมอญไทยผ่านแม่น้ำสะโตละโมบลับคืนนครหลวง ซึ่งเป็นชนวนให้พระเจ้านันทบุเรงเปิดมหายุทธการทำศึกสั่งกองทัพเข้ารุกรานอาณาจักรอยุธยาสืบแม้กระนั้นนั้นมาตำนานสมเด็จพระพระราชามหาราช ภาค ๒ ประกาศอิสรภาพ (2550)
พุทธศักราช 2114 “สมเด็จพระมหาธรรมราชา” ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าหงสาวดีบุเรงท่วมแต่งตั้งขึ้นเป็นกษัตริย์ครอบครองกรุงศรีอยุธยาสืบต่อจากพระมหินทราธิราชขอความกรุณาปรานีเกล้าฯ ให้สมเด็จพระกษัตริย์มหาราชทรงเป็นอุปราชครองบ้านครองเมืองพิษณุโลก

เมื่อพระผู้เป็นเจ้าหงสาวดีบุเรงท่วมสิ้นพระชนม์ในปี พุทธศักราช 2124 “พระผู้เป็นเจ้านันทบุเรง” ขึ้นครองราชย์สืบแทน และก็แต่งตั้งพระบุตรชาย “มังสามเกียด” ขึ้นเป็น “พระมหาอุปราชา” รัชทายาท ในการนี้เจ้าผู้ครองเมืองเมืองขึ้นทั้งหลายแหล่จำต้องมาร่วมแสดงความสวามิภักดิ์ รวมทั้งพระมหาธรรมราชาแล้วก็สมเด็จพระพระราชาด้วย ในช่วงเวลาที่เจ้าฟ้าเมืองคังมิได้เสด็จมาร่วมพิธีสำคัญคราวนี้ ส่งผลให้พระผู้เป็นเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงทรงมอบหมายให้พระมหาอุปราชา,

พระราชหลาน “นัดหมายจินหน่อง” พระบุตรชายเจ้าผู้ครองเมืองโคนงอู, รวมทั้งสมเด็จพระพระราชาช่วยเหลือกันเข้าตีบ้านตีเมืองคัง แต่ว่าพระมหาอุปราชากลับสั่งให้สมเด็จพระกษัตริย์เข้าตีเป็นกองทัพท้ายที่สุด ด้วยความมั่นใจและความเชื่อมั่น

ว่ากองทัพของท่านรวมทั้งนัดหมายจินหน่องจะบรรลุเป้าหมาย แต่ว่าปรากฏว่าสมเด็จพระพระราชาทรงมีชัยชนะในศึกเมืองคังนี้ สามารถจับกุมเจ้าฟ้าเมืองคังรวมทั้งพระบุตรี “เลอขิ่น” กลับมาได้ ดูหนังพระนเรศวร รัชทายาทหงสาวดีแล้วก็ราชนิฉันลข้างเมียนมาร์ซึ่งเป็นคู่ปรปักษ์กันมาตั้งแต่เยาว์วัยก็เลยขุ่นข้องหมองใจอาฆาตแค้นสมเด็จพระพระราชาเป็นสองเท่า

ถัดมาเมื่อกำเนิดศึกอังวะ พระผู้เป็นเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงให้สมเด็จพระพระราชานำกองทัพมาช่วยรบ แต่ว่าพระมหาอุปราชากลับใช้โอกาสนี้คิดแผนลอบปลงพระชนม์ ในช่วงเวลาที่สมเด็จพระพระราชาทรงยั้งกองทัพอยู่ในเมืองแครง แต่ว่าข่าวสารการลอบปลงพระชนม์ได้ล่วงรู้ถึงสมเด็จพระพระราชาผ่านทางพระมหาเถรคันฉาย สมเด็จพระกษัตริย์ก็เลยถือเหตุการลอบปลงพระชนม์สำหรับการประกาศอิสรภาพตัดมิตรภาพกับหงสาวดี รวมทั้งต้อนคนไทยชาวมอญคืนกลับเมืองหลวง

ข้างหงสาวดีเมื่อทราบดีว่าการลอบปลงพระชนม์ไม่เป็นผลสำเร็จก็เลยให้นายทัพสุระกำมารีบนำกองทัพออกติดตามกองทัพของสมเด็จพระพระราชา สุดท้ายก็กองทัพหงสาวดีก็ตามมาถึงในตอนที่สมเด็จพระกษัตริย์และก็ไพร่พลกำลังผ่านแม่น้ำ และก็ศึกคราวนี้สมเด็จพระนเศวรทรงใช้พระแสงสว่างปืนต้นยิงผ่านแม่น้ำสะโตงถูกแม่ทัพสุระกำมาตายบนคอช้าง กองทัพเมียนมาร์ก็เลยถอยกลับไป

ตำนานสมเด็จพระกษัตริย์มหาราช ภาค ๓ ยุทธกองทัพเรือ (2554)

การประกาศเอกราชที่เมืองแครง และก็ฆ่าสุระกำมาเหนือยุทธภูมิฝั่งแม่น้ำสะโตงของ “สมเด็จพระกษัตริย์มหาราช” (สมเด็จพระกษัตริย์) ในปีพ.ศ. 2127 ได้สร้างความผวาแก่ “พระผู้เป็นเจ้านันทบุเรง” องค์กษัตริย์หงสาวดีท่านใหม่

ด้วยเกรงว่าการขัดขืนของอยุธยาในคราวนี้จะเป็นเยี่ยงอย่างให้เหล่าเจ้าอาณานิคมที่สังกัดหงสาวดีอาศัยเลียนแบบตั้งตัวเอาใจออกห่างตาม แต่ว่าจนกระทั่งใจด้วยติดพันศึกอังวะ ก็เลยต้องส่งเพียงแต่กองทัพ “พระยาพะสิม” แล้วก็

“พระผู้เป็นเจ้าจังหวัดเชียงใหม่” เข้าชิดกรุงศรีอยุธยา ทางหนึ่งนั้นพระผู้เป็นเจ้านันทบุเรงทรงประมาทสมเด็จพระพระราชา ด้วยมีความคิดเห็นว่ายังอ่อนพระอายุอาจไม่บางทีอาจต่อกรผู้นำกองทัพผู้ชาญณรงค์ทั้งคู่ได้ ดูหนังพระนเรศวร ทางหนึ่งก็สำคัญว่ากรุงศรีอยุธยายังระบมแต่ว่าคราวการสู้รบเสียกรุง ไพร่พลเสบียงยังไม่บริบูรณ์อาจจะยากจะรักษานครหลวง

คราวนั้นเมียนมาร์มอญชูเข้ามาเป็นศึกประชิดถึง 2 ทาง กองทัพพระยาพะสิมชูเข้ามาทางด่านพระเจดีย์สามองค์เลยล่วงเข้ามาถึงดินแดนสุพรรณ ส่วนพระผู้เป็นเจ้าจังหวัดเชียงใหม่-นรธาเมงสอมาจากด้านเหนือ นำกองทัพบุกลงมาตั้งแคมป์ถึงหน้าบ้านสระเกศา ตำบลเมืองจังหวัดอ่างทอง

เสียงเล่าลือการชนะศึกของสมเด็จพระพระราชาหลายหนหลายคราเลื่องลือไกลถึงแผ่นดินบริเวณ “เจ้ากรุงบริเวณ” ไม่ได้ทอดธุระ ได้ลอบส่งจารชนคนจีนความสามารถกล้านามว่า “พระยาจีนจันตุๆ”

มาลอบสืบความที่กรุงศรีอยุธยาแต่ว่าโดนจับพิรุธได้จนกระทั่งจำเป็นต้องลอบตีสำเภาหนีกลับกรุงบริเวณ สมเด็จพระพระราชาทรงนำทัพเรือออกตามจนกระทั่งกำเนิดยุทธกองทัพเรือ แม้กระนั้นพระยาจีนจันตุๆหนีพ้นได้ เมื่อเจ้ากรุงบริเวณได้รู้เสียงสรรเสริญการณรงค์ของพระกษัตริย์ก็เลยเปลี่ยนแปลงใจหันมาสานความเป็นมิตรกับอยุธยา และก็ส่ง “พระศรีสุวรรณราเชนทร์” ผู้น้องชายมาช่วยอยุธยาทำสงครามหงสา ถ้าหากแม้กระนั้นพระศรีสุวรรณผู้นี้ไม่เหมือนกับเจ้ากรุงแถว

เมื่อแผ่นดินหงผัวอันจำเป็นต้องผลัดมือมาอยู่ในดูแลของพระผู้เป็นเจ้านันทบุเรง มิตรสัมพันธ์ระหว่างอยุธยารวมทั้งหงสาวดีก็เริ่มคลอนแคลน ด้วยพระผู้เป็นเจ้าหงสาวดีท่านใหม่ไม่ได้วางใจในสมเด็จพระพระราชาเลย ไม่เพียงเท่านั้น สมเด็จพระพระราชายังได้ทรงแสดงพระความรอบรู้สามารถให้เป็นที่ปรากฏสะทกสะท้าน

พระผู้เป็นเจ้านันทบุเรงทรงเกรงว่าสืบไปตรงหน้าสมเด็จพระพระราชาจะเป็นภัยต่อราชวงศ์แลแผ่นดินหงสา ก็เลยหาเรื่องวางมายากลศึกหมายจะฆ่าสมเด็จพระพระราชาเสียที่เมืองแครง แม้กระนั้นพระมหาเถรกระจกส่องพระราชครูลอบนำแผนทำร้ายร่างกายนั้นมาแจ้งให้ลูกศิษย์รักได้ทราบความ สมเด็จพระพระราชาก็เลยนับว่าเป็นเหตุประกาศเอกราช

ตัดมิตรภาพกับหงสาวดี แล้วก็ต้อนชาวมอญแล้วก็ไทยผ่านแม่น้ำสะโตละโมบลับคืนเมืองหลวง ซึ่งเป็นชนวนให้พระเจ้านันทบุเรงเปิดมหายุทธการศึกสั่งกองทัพเข้ารุกรานอาณาจักรอยุธยาสืบแต่ว่านั้นมาPart I เกี่ยวกับวัยเด็กพระราชามหาราชเมื่อเขาโดนจับเป็นตัวรับรองโดยกษัตริย์ประเทศพม่า, Bayinnaungเพื่อข้าราชสำนัก อาณาจักรอยุธยายอมรับความพ่ายแพ้ ขณะนี้เขาเป็นเณรในศาสนาพุทธพระภิกษุใต้การปกครองของพระสงฆ์ที่ฉลาดมากบิดารูป ( สรโคตรชาตรี )

ภาคที่ 2 สาธยายถึงพระกษัตริย์ในวัยชายหนุ่ม ซึ่งทรงเป็นนักที่มีความสำคัญในการรบด้านการทหารที่น่านับถือ ในระหว่างที่ท่านทรงนำกองทัพสำหรับในการหาผลประโยชน์จากอาณาจักรที่บาดหมางของกษัตริย์จังหวัดนนทบุรีรัชทายาทของพระผู้เป็นเจ้าบุเรงท่วม และก็ท้ายที่สุดก็แตกออกเพื่อประกาศอำนาจอธิปไตยของไทย ภาค 3 อธิบายความชำนาญการทหารแล้วก็ความเป็นหัวหน้าของพระราชาแล้วก็การขยายตัวของอาณาจักรประเทศไทยสำหรับการผลิตมานานกว่า 3 ปี แผนการมีงบประมาณราว 700 ล้านบาททำให้เป็นหนังไทยที่แพงที่สุดสำหรับการผลิต

ขณะที่ 1 : ตัวประกันหงสาวดีภาพยนตร์ประเด็นนี้พูดถึงวัยเด็กของสมเด็จพระพระราชา กำเนิดในปี 1555 เขาถูกนำตัวไปประเทศพม่าโดยเป็นตัวรับรองเด็ก ตรงนั้นเขาเคยชินกับการต่อสู้ด้วยกระบี่แล้วก็แปลงเป็นภัยรุกรามต่ออาณาจักรประเทศพม่า

ภาพยนตร์ประเด็นนี้เริ่มในปี คริสต์ศักราช 1564 ระหว่างการล้อมเมืองพิษณุโลก

ของเมียนมาร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรจังหวัดสุโขทัยที่ละเหี่ย บิดากษัตริย์มหาราช, สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชยอมรับความพ่ายแพ้แล้วก็ตามคำสั่งของประเทศพม่าว่าลูกชายสองคนของเขาพระราชา (ชื่อเล่นองอาจเขื่อนไทย : องค์ดำ พระราชโอรสดำ )

รวมทั้งสมเด็จพระเอกาทศรถยนต์ (พระราชโอรสสีขาว) โดนจับเป็นตัวรับรองและก็ได้รับการอุปถัมภ์ในพะวัว (กึ่งกลางของ อาณาจักรหงสาวดี) ภายใต้การเฝ้าดูของบุเรงท่วมกษัตริย์เมียนมาร์ ที่ข้อตกลงว่าจะดูแลกษัตริย์เสมือนอย่างท่านเอง นี้จะสร้างความแตกแยกขัดแย้งระหว่างบิดาพระราชามหาราชรวมทั้งแม่ของเขาราชินีวิสุทธิกษัตริย์ , ดูหนังพระนเรศวร พี่ชายซึ่งเป็นกษัตริย์ของเพื่อนบ้านอาณาจักรอยุธยาอาทิเช่นพิษณุโลกในช่วงเวลานี้เป็นเมียนมาร์เมืองศักดินา อยุธยาตกไม่นานต่อจากนั้น

โดยทันทีภายหลังที่เข้ามาในวังเมียนมาร์กษัตริย์มองเห็นการบ้านการเมืองราชสำนักและก็การแข่งขันชิงชัยระหว่างตนเองรวมทั้ง Bayinnaung ม.จ.Mingyi Swa พระราชาถูกส่งไปเรียนรู้เป็นเณรโดยพระสงฆ์ชาวมอญชื่อคันต้องที่วัดนอกวัง ขณะเดินเตร่ในหมู่บ้านไทยชานเมืองเปกู (มีคนประเทศไทยพลัดพรากจากถิ่นจากการรณรงค์

แผ่อำนาจของบุเรงท่วม รวมทั้งถัดมาถูกบังคับให้ย้ายที่อยู่ฐานไปยังหงสาวดี) เขาได้ผูกไมตรีกับเด็กร่อนเร่ชาวมอญซึ่งถัดมาได้รับอนุญาตให้ปฏิบัติงานเป็นลูกศิษย์วัดชื่อ บุนทิง (คราวหลังได้ขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่ามอญ ท่านราชมนู) 6 7เขายังเป็นเพื่อนกับมณีจันทร์ สาววัดที่วัด พระคันควรซึ่งเคยฝึกฝนบุเรงท่วมด้วย ทรงสอนกษัตริย์ถึงความชำนาญการทำสงครามแล้วก็ศีลธรรม

ส่วนที่ II: การทวงคืนอำนาจอธิปไตยบุเรงท่วมเสียชีวิตในตอนเริ่มของภาพยนตร์หัวข้อนี้ด้วยมูลเหตุทางธรรมชาติ ธรรมราชาข้าหลวงประจำจังหวัดกรุงศรีอยุธยามั่นใจว่าการไปไหว้กษัตริย์ที่สวรรคตด้วยความหวาดกลัวว่าพระนารายณ์ประเทศพม่าองค์ใหม่จะเห็นว่าเป็นการลบหลู่ดูหมิ่นรวมทั้งจู่โจมอยุธยา แต่ สมเด็จพระกษัตริย์ทรงได้รับการอุปการะในเปกู (อาณาจักรหงสาวดี) รวมทั้งทรงจัดว่าบุเรงท่วมเป็นพ่อผู้ที่สอง ทรงกล่อมธรรมราชาให้ปลดปล่อยท่านไปแทนท่าน